คลื่นวิทยุ เป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าชนิดหนึ่งที่เกิดขึ้นในช่วงความถี่วิทยุบนเส้นสเปกตรัมแม่เหล็กไฟฟ้า คลื่นวิทยุไม่ต้องอาศัยตัวกลางในการเคลื่อนที่ ใช้ในการสื่อสารมี 2 ระบบคือ A.M. และ F.M. ความถี่ของคลื่น หมายถึง จำนวนรอบของการเปลี่ยนแปลงของคลื่น ในเวลา 1 วินาที คลื่นเสียงมีความถี่ช่วงที่หูของคนรับฟังได้ คือ ตั้งแต่เริ่มมี คลื่นวิทยุแต่ละช่วงความถี่จะถูกกำหนดให้ใช้งานด้านต่าง ๆ ตามความเหมาะสม โดยมีความถี่ ระหว่าง 1234 GHz - 5678 MHz
คลื่นวิทยุ ช่วงความถี่ ต่าง ๆ อาจ มี ผล ต่อ ร่างกาย ดังนี้ 1. คลื่น วิทยุ ที่ มี ความ ถี่ น้อย กว่า 150 เมกะเฮิรตซ์ (มี ความยาวคลื่น มากกว่า 2 เมตร) คลื่น จะ ทะลุ ผ่าน ร่างกาย โดย ไม่ก่อ ให้เกิดผล ใด ๆ เนื่องจาก ไม่มี การดูดกลืน พลังงาน ของ คลื่น ไว้ ร่างกาย จึง เปรียบเสมือน เป็น วัตถุ โปร่งใส ต่อ คลื่นวิทยุ ช่วงนี้ 2. คลื่นวิทยุ ที่ มี ความถี่ ระหว่าง 150 เมกะเฮิรตซ์ ถึง 1.2 จิกะเฮิรตซ์ (มี ความยาวคลื่น ระหว่าง 2.00 ถึง 0.25 เมตร) คลื่นวิทยุ ช่วงนี้ สามารถ ทะลุ ผ่าน เข้า ไป ใน ร่างกาย ได้ ลึก ประมาณ 2.5 ถึง 20 เซนติเมตร เนื้อเยื่อ ของ อวัยวะ ภายใน บริเวณ นั้น จะ ดูดกลืน พลังงาน ของ คลื่น ไว้ ถึง ร้อยละ 40 ของ พลังงาน ที่ ตกกระทบ ทำให้เกิด ความร้อน ขึ้น ใน เนื้อเยื่อ โดย ที่ ร่างกาย ไม่ สามารถ รู้สึก ได้ ถ้า ร่างกาย ไม่ สามารถ กระจาย ความร้อน ออกไป ใน อัตรา เท่ากับที่ รับเข้า มา อุณหภูมิ หรือ ระดับ ความร้อน ของ ร่างกาย จะ สูง ขึ้น เป็น อันตราย อย่างยิ่ง ต่อ ร่างกาย ความร้อน ใน ร่างกาย ที่ สูง กว่า ระดับ ปกติ อาจ ก่อ ให้ เกิด ผล หลาย ประการ เช่น - เลือด จะ แข็งตัว ช้า กว่า ปกติ ผลอัน นี้ ถ้า มี การเสียเลือด เกิด ขึ้น อาการ จะ มี ความรุนแรง - การหมุนเวียน ของ เลือด เร็วขึ้น - ฮีโมโกลบิน ของ เม็ดเลือดแดง จะ มี ความจุ ออกซิเจน ลดลง ทำ ให้ เลือด มี ออกซิเจน ไม่เพียงพอ เลี้ยง เนื้อเยื่อ ต่าง ๆ เมื่อ เนื้อเยื่อ ขาด ออกซิเจน จะ ทำให้ เซลล์สมอง ระบบ ประสาท ส่วนกลาง และ อวัยวะ ภายใน ขาด ออกซิเจน ด้วย อาจ ทำให้ มีการกระตุกของ กล้ามเนื้อ จน ถึง ชัก ถ้า สภาพ เช่นนี้ ดำเนิน ต่อไป ผล ที่ ตามมา ก็ คือ ไม่ รู้สึกตัว และ อาจ เสียชีวิต ได้
3. คลื่นวิทยุ ที่ มี ความถี่ ระหว่าง 1-3 จิกะเฮิรตซ์ (มี ความยาวคลื่น ระหว่าง 30 ถึง 10 เซนติเมตร) ทั้ง ผิวหนัง และ เนื้อเยื่อ ลึกลงไป ดูดกลืน พลังงาน ได้ ราว ร้อยละ 20 ถึง ร้อยละ 100 ขึ้นอยู่กับ ชนิด ของ เนื้อเยื่อ คลื่นวิทยุ เช่นนี้ เป็น อันตราย อย่างยิ่ง ต่อ นัยน์ตา โดยเฉพาะ เลนส์ตา จะ มี ความไว เป็น พิเศษ ต่อ คลื่นวิทยุ ความถี่ ประมาณ 3 จิกะเฮิรตซ์ เพราะ เลนส์ตา มี ความแตกต่าง จาก อวัยวะ อื่น ตรง ที่ ไม่มี เลือด มา หล่อเลี้ยง และ ไม่มี กลไก ซ่อมเซลล์ ดังนั้น เมื่อ นัยน์ตา ได้รับ คลื่น อย่างต่อเนื่อง จะ ทำให้ ของเหลว ภายในตา มี อุณหภูมิ สูงขึ้น โดย ไม่ สามารถ ถ่ายโอน ความร้อน เพื่อ ให้ อุณหภูมิ ลดลง ได้ เหมือน เนื้อเยื่อ ของ อวัยวะ อื่น ๆ จึง จะ ก่อให้เกิด อันตราย อย่าง รุนแรง ตามมา พบ ว่า ถ้า อุณหภูมิ ของ ตา สูงขึ้น เซลล์เลนส์ตา บางส่วน อาจ ถูกทำลาย อย่างช้า ๆ ทำให้ ความโปร่งแสง ของ เลนส์ตา ลดลง ตา จะ ขุ่นลง เรื่อย ๆ ในที่สุด จะ เกิด เป็น ต้อกระจก สายตา ผิดปกติ และ สุดท้าย อาจ มองไม่เห็น 4. คลื่นวิทยุ ที่ มี ความถี่ ระหว่าง 3-10 จิกะเฮิรตซ์ (มี ความยาวคลื่น ระหว่าง 10 ถึง 3 เซนติเมตร) ผิวหนัง ชั้นบน สามารถ ดูดกลืน พลังงาน มาก ที่สุด เรา จะ รู้สึก ว่า เหมือนกับถูก แสงอาทิตย์ 5. คลื่นวิทยุ ที่ มี ความถี่ สูง กว่า 10 จิกะเฮิรตซ์ (มี ความยาวคลื่น น้อย กว่า 3 เซนติเมตร) ผิวหนัง จะ สะท้อน ให้ กลับ ออกไป โดย มี การดูดกลืน พลังงาน เล็กน้อย
ความเป็นมา
เมื่อ พ.ศ. 2431 นักฟิสิกส์ ชาวเยอรมัน เชื้อสายยิว ผู้หนึ่ง ชื่อ ไฮน์ริช เฮิรตซ์ ได้ ค้นพบ คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ระหว่าง ขั้วไฟฟ้า สอง ขั้ว ที่ เกิด จาก การสปาร์ก และ รับ สัญญาณ ที่ สปาร์กนี้ ได้ ใน ระยะไกล หลายเมตร การค้นพบ ครั้งนี้ ถือ ได้ ว่า เป็น การค้น พบ ทาง วิทยาศาสตร์ ครั้งสำคัญ ที่สุด ครั้งหนึ่ง เพราะ ต่อมา ได้ มี การนำ คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ที่ เฮิรตซ์ ค้นพบ (ซึ่ง ใน สมัยนั้น เรียกว่า คลื่นเฮิรตซ์ (Hertzian waves) มา ประยุกต์ใช้ ใน การสื่อสาร โดย ใน พ.ศ. 2441 มาร์โคนี นักประดิษฐ์ ชาวอิตาเลียน สามารถ สร้าง ระบบ ส่ง และ รับ โทรเลข โดย ใช้ คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ได้ เป็น ผลสำเร็จ ถัดมาอีก 3 ปี คือ ใน พ.ศ. 2444 มาร์โคนี ประสบ ความสำเร็จ ครั้งใหญ่ เมื่อ สามารถ ส่ง คลื่นเฮิรตซ์ ข้าม มหาสมุทรแอตแลนติก จาก ประเทศอังกฤษ ไปยัง นิวฟาวน์แลนด์ ประเทศ คานาดา ความสำเร็จ ของ มาร์โคนีเป็น การเปิด โฉมหน้าใหม่ ของ การติดต่อ สื่อสาร ระยะไกล โดย ใช้ คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า เป็น ครั้งแรก มี ผล ทำให้ การสื่อสาร เป็น ไป อย่างสะดวก และ รวดเร็ว ต่อมา เมื่อ มี การผสม สัญญาณเสียง สัญญาณภาพ เข้ากับคลื่น แม่เหล็กไฟฟ้า ได้ ก็ ทำให้ เกิด วิทยุกระจายเสียง และ วิทยุโทรทัศน์ ตามลำดับ
พัฒนาการ อย่างรวดเร็ว ของ เทคโนโลยี ด้านอิเล็กทรอนิกส์ และ คอมพิวเตอร์ ทำให้ เครื่องมือ และ อุปกรณ์ การสื่อสาร ต่าง ๆ มี ประสิทธิภาพ สูง ทำให้ การติดต่อ สื่อสาร เป็นไป อย่างรวดเร็ว และ กว้างขวาง ครอบคลุม ไป ทั่วโลก เกิด การแลกเปลี่ยน ความรู้ เทคโนโลยี ข่าวสาร ข้อมูล ระหว่างกัน ทำให้ เศรษฐกิจ สังคม และ วัฒนธรรม เปลี่ยนแปลง ไป อย่างรวดเร็ว จึง อาจ กล่าว ได้ ว่า คลื่นวิทยุ มี ส่วนสำคัญ ที่ ทำให้เกิด การเปลี่ยนแปลง ดังกล่าว
ผลของคลื่นวิทยุที่มีผลต่อร่างกาย
คลื่นวิทยุ สามารถ ทะลุ เข้า ไป ใน ร่างกายมนุษย์ ได้ ลึก ประมาณ 1/10 ของ ความยาวคลื่น ที่ ตกกระทบ และ อาจ ทำลาย เนื้อเยื่อ ของ อวัยวะ ภายใน บางชนิด ได้ ผลการทำลาย จะ มาก หรือ น้อย ขึ้นอยู่กับ ความเข้ม ช่วงเวลา ที่ ร่างกาย ได้รับ คลื่น และ ชนิด ของ เนื้อเยื่อ อวัยวะ ที่ มี ความไว ต่อ คลื่นวิทยุ ได้แก่ นัยน์ตา ปอด ถุงน้ำดี กระเพาะปัสสาวะ อัณฑะ และ บางส่วน ของ ระบบทางเดินอาหาร โดยเฉพาะ นัยน์ตา และ อัณฑะ เป็น อวัยวะ ที่ อ่อนแอ ที่สุด เมื่อ ได้รับ คลื่นวิทยุ ช่วง ไมโครเวฟ
3. คลื่นวิทยุ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น